Sep
22
2017
สังเขปความเป็นมาของคัมภีร์อรรถกถา
คัมภีร์ “อรรถกถถา” ส่วนใหญ่ เป็นผลงานแปลจาก “มหาอรรถกถา” หรือ “มูลอรรถกถา” ภาษาสิงหล มาเป็นภาษามคธหรือภาษาบาลี ของพระพุทธโฆสมหาเถระ ชาวอินเดีย ในปีพุทธศักราช ๙๔๕ โดยมติของคณะสงฆ์สำนักมหาวิหาร เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา

ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดกัลยาณีวิหาร ประเทศศรีลังกา
ภาพพระพุทธโฆสมหาเถระ ถวายคัมภีร์วิสุทธิมรรค ที่ท่านรจนา ๓ ฉบับ ให้แก่พระสังฆราชของคณะสงฆ์มหาวิหาร ซึ่งเป็นบททดสอบก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้แปลคัมภีร์อรรถกถาภาษาสิงหลเป็นภาษาบาลี
“มหาอรรถกถา” หรือ “มูลอรรถกถา” นี้แต่เดิมเป็นภาษาบาลี ซึ่งได้รับการสังคายนามาพร้อมกับพระไตรปิฎก ๓ ครั้ง ต่อมาพระมหินทเถระ พระราชโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เกาะลังกา หลังจากสังคายนาครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๓๔ จึงได้แปลอรรถกถาภาษาบาลีเป็นเป็นภาษาสิงหลเพื่ออนุเคราะห์กุลบุตรชาวสิงหล และอรรถกถานี้ท่านเรียกว่า “ปกิณณกเทศนา” ของพระพุทธเจ้า ดังข้อความในหนังสือ “ประวัติคัมภีร์อรรถกถา” ว่า
“…ในสมัยพุทธกาลก็มีอรรถาธิบายพระพุทธพจน์ เรียกว่า ปกิณณกเทศนา ซึ่งเป็นข้อความที่พระพุทธเจ้าทรงอธิบายหลักธรรมที่เข้าใจยากให้กระจ่างชัดเจนด้วยพระองค์เอง ในสมัยสังคายนา พระเถระผู้ร้อยกรองพระธรรมวินัย มิได้สงเคราะห์เทศนานี้เข้าในพระไตรปิฎก เพราะถือว่าเป็นคำอธิบายอีกทอดหนึ่ง แต่ท่านได้สังคายนาปกิณณกเทศนา เมื่อร้อยกรองพระไตรปิฎกเสร็จสิ้นลง โดยเรียกว่า “มหาอรรถกถา” (วิ.อฏฺ.๑/๓, ๓/๕๗๑, ที.อฏฺ.๓/๒๖๗, ม.อฏฺ.๔/๒๕๙, สํ.อฏฺ.๓/๓๙๓ มจร.) นอกจากคัมภีร์มหาอรรถกถา รวบรวมปกิณณกเทศนาของพระพุทธเจ้าแล้ว คัมภีร์นี้ยังกอปรด้วยคำอธิบายของพระสาวกมีพระสารีบุตรเป็นอาทิอีกด้วย…”[1]

และอรรถกถานี้ ชื่อว่า “อาจริยวาท” ที่สมควรต่อพระพุทธพจน์ ดังข้อความว่า
อาจริยวาโท นาม ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปญฺจหิ อรหนฺตสเตหิ ฐปิตา
ปาลิวินิมุตฺตา โอกฺกนฺตวินิจฺฉยปวตฺตา อฏฺฐกถาตนฺติ. (วิ.อฏฺ. ๑/๒๔๓ มจร.)
แปลความว่า ที่ชื่อว่า อาจริยวาท ได้แก่ แบบอรรถกถา ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยอันหยั่งลงด้วยญาณ นอกจากพระบาลี ที่พระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ ผู้เป็นธรรมสังคาหก (ผู้รวบรวมพระธรรมวินัย) ตั้งไว้.
ยทิปิ ตตฺถ ตตฺถ ภควตา ปวตฺติตา ปกิณฺณกเทสนา อฏฺฐกถา. (สารตฺถ. ๒/๔๕ มจร.)
แปลความว่า อรรถกถา เป็นปกิณณกเทศนา ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ ในที่นั้นๆ (เมืองโน้น หมู่บ้านนี้)
ในคัมภีร์มหาวงศ์ (พงศาวดารลังกา) ปริจเฉท ๓๗ คาถา ๒๒๘ – ๙ ยังได้กล่าวถึงพระมหินทเถระแปลอรรถกถาภาษาบาลีเป็นภาษาสิงหล และแสดงถึงอรรถกถาได้รับการสังคายนามาทั้ง ๓ ครั้งไว้ ดังนี้
สีหฬาฏฺฐกถา สุทฺธา มหินฺเทน มตีมตา
สํคีติตฺตยมารุฬํ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ.
สาริปุตฺตาทิคีตญฺจ กถามคฺคํ สเมกฺขิย
เอกา สีหฬภาสาย สีหเฬสุ ปวตฺตติ.
แปลความว่า พระมหินทเถระผู้ทรงปัญญาได้ประพันธ์อรรถกถาสิงหลอันบริสุทธิ์ด้วยภาษาสิงหล โดยรวบรวมพระดำรัสที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง และพระสารีบุตรเป็นอาทิกล่าวไว้ ซึ่งได้รับการสังคายนา ๓ ครั้ง มีปรากฎอยู่ในลังกาทวีป[2]
[1] พระคันธสาราภิวงศ์, ประวัติคัมภีร์อรรถกถา ในอสีติกปูชา พระภัททันตธัมมานันทมหาเถระ, ๒๕๔๓, หน้า ๓๘๕.
[2] เรื่องเดียวกัน
By ผู้ดูแลระบบ •
Uncategorized •
Sep 22 2017
สังเขปความเป็นมาของคัมภีร์อรรถกถา
สังเขปความเป็นมาของคัมภีร์อรรถกถา
คัมภีร์ “อรรถกถถา” ส่วนใหญ่ เป็นผลงานแปลจาก “มหาอรรถกถา” หรือ “มูลอรรถกถา” ภาษาสิงหล มาเป็นภาษามคธหรือภาษาบาลี ของพระพุทธโฆสมหาเถระ ชาวอินเดีย ในปีพุทธศักราช ๙๔๕ โดยมติของคณะสงฆ์สำนักมหาวิหาร เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดกัลยาณีวิหาร ประเทศศรีลังกา
ภาพพระพุทธโฆสมหาเถระ ถวายคัมภีร์วิสุทธิมรรค ที่ท่านรจนา ๓ ฉบับ ให้แก่พระสังฆราชของคณะสงฆ์มหาวิหาร ซึ่งเป็นบททดสอบก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้แปลคัมภีร์อรรถกถาภาษาสิงหลเป็นภาษาบาลี
“มหาอรรถกถา” หรือ “มูลอรรถกถา” นี้แต่เดิมเป็นภาษาบาลี ซึ่งได้รับการสังคายนามาพร้อมกับพระไตรปิฎก ๓ ครั้ง ต่อมาพระมหินทเถระ พระราชโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เกาะลังกา หลังจากสังคายนาครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๓๔ จึงได้แปลอรรถกถาภาษาบาลีเป็นเป็นภาษาสิงหลเพื่ออนุเคราะห์กุลบุตรชาวสิงหล และอรรถกถานี้ท่านเรียกว่า “ปกิณณกเทศนา” ของพระพุทธเจ้า ดังข้อความในหนังสือ “ประวัติคัมภีร์อรรถกถา” ว่า
“…ในสมัยพุทธกาลก็มีอรรถาธิบายพระพุทธพจน์ เรียกว่า ปกิณณกเทศนา ซึ่งเป็นข้อความที่พระพุทธเจ้าทรงอธิบายหลักธรรมที่เข้าใจยากให้กระจ่างชัดเจนด้วยพระองค์เอง ในสมัยสังคายนา พระเถระผู้ร้อยกรองพระธรรมวินัย มิได้สงเคราะห์เทศนานี้เข้าในพระไตรปิฎก เพราะถือว่าเป็นคำอธิบายอีกทอดหนึ่ง แต่ท่านได้สังคายนาปกิณณกเทศนา เมื่อร้อยกรองพระไตรปิฎกเสร็จสิ้นลง โดยเรียกว่า “มหาอรรถกถา” (วิ.อฏฺ.๑/๓, ๓/๕๗๑, ที.อฏฺ.๓/๒๖๗, ม.อฏฺ.๔/๒๕๙, สํ.อฏฺ.๓/๓๙๓ มจร.) นอกจากคัมภีร์มหาอรรถกถา รวบรวมปกิณณกเทศนาของพระพุทธเจ้าแล้ว คัมภีร์นี้ยังกอปรด้วยคำอธิบายของพระสาวกมีพระสารีบุตรเป็นอาทิอีกด้วย…”[1]
และอรรถกถานี้ ชื่อว่า “อาจริยวาท” ที่สมควรต่อพระพุทธพจน์ ดังข้อความว่า
อาจริยวาโท นาม ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปญฺจหิ อรหนฺตสเตหิ ฐปิตา
ปาลิวินิมุตฺตา โอกฺกนฺตวินิจฺฉยปวตฺตา อฏฺฐกถาตนฺติ. (วิ.อฏฺ. ๑/๒๔๓ มจร.)
แปลความว่า ที่ชื่อว่า อาจริยวาท ได้แก่ แบบอรรถกถา ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยอันหยั่งลงด้วยญาณ นอกจากพระบาลี ที่พระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ ผู้เป็นธรรมสังคาหก (ผู้รวบรวมพระธรรมวินัย) ตั้งไว้.
ยทิปิ ตตฺถ ตตฺถ ภควตา ปวตฺติตา ปกิณฺณกเทสนา อฏฺฐกถา. (สารตฺถ. ๒/๔๕ มจร.)
แปลความว่า อรรถกถา เป็นปกิณณกเทศนา ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ ในที่นั้นๆ (เมืองโน้น หมู่บ้านนี้)
ในคัมภีร์มหาวงศ์ (พงศาวดารลังกา) ปริจเฉท ๓๗ คาถา ๒๒๘ – ๙ ยังได้กล่าวถึงพระมหินทเถระแปลอรรถกถาภาษาบาลีเป็นภาษาสิงหล และแสดงถึงอรรถกถาได้รับการสังคายนามาทั้ง ๓ ครั้งไว้ ดังนี้
สีหฬาฏฺฐกถา สุทฺธา มหินฺเทน มตีมตา
สํคีติตฺตยมารุฬํ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ.
สาริปุตฺตาทิคีตญฺจ กถามคฺคํ สเมกฺขิย
เอกา สีหฬภาสาย สีหเฬสุ ปวตฺตติ.
แปลความว่า พระมหินทเถระผู้ทรงปัญญาได้ประพันธ์อรรถกถาสิงหลอันบริสุทธิ์ด้วยภาษาสิงหล โดยรวบรวมพระดำรัสที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง และพระสารีบุตรเป็นอาทิกล่าวไว้ ซึ่งได้รับการสังคายนา ๓ ครั้ง มีปรากฎอยู่ในลังกาทวีป[2]
[1] พระคันธสาราภิวงศ์, ประวัติคัมภีร์อรรถกถา ในอสีติกปูชา พระภัททันตธัมมานันทมหาเถระ, ๒๕๔๓, หน้า ๓๘๕.
[2] เรื่องเดียวกัน
ผลงานแปลอรรถกถาของพระพุทธโฆสาจารย์ ตามลิงก์นี้ https://th.wikipedia.org/wiki/
By ผู้ดูแลระบบ • Uncategorized •