**ข่าวประกาศรับสมัครนักศึกษาพระอภิธรรมหลักสูตรประจำ 2 ปี พ.ศ. 2567**
เปิดรับสมัครนักศึกษาพระอภิธรรมหลักสูตรประจำ 2 ปี
รุ่นที่ 38 ปีการศึกษา 2567
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 28 เมษายน 2567
(รับจำนวนไม่เกิน 50 ท่าน)
เปิดรับสมัครพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และฆราวาส เข้าศึกษาพระอภิธรรมหลักสูตรประจำ 2 ปี โดยใช้ “คัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ (ฉบับแปลอธิบาย 9 ปริจเฉท)” “ธัมมสังคณีมาติกา (จำแนกองค์ธรรมของติกมาติกาและทุกมาติกา)” “มหาปัฏฐาน (กุสลติกมาติกา ปัญหาวาระ อนุโลมนัย)” และ “วิสุทธิมัค (สังเขป)” เป็นหลักสูตรการศึกษา รุ่นที่ 38 ประจำปีการศึกษา 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2567
หมายเหตุ: พระภิกษุ สามเณร และแม่ชี พักในสำนักฯ ส่วนฆราวาส พักนอกสำนักฯ
คุณสมบัติผู้สมัคร
1. อายุระหว่าง 18-50 ปี
2. สำเร็จการศึกษาทางโลกตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หรือเทียบเท่าขึ้นไป
3. เป็นผู้ไม่ติดภาระการศึกษาทางโลกและทางธรรมอื่นๆ
4. เป็นผู้มีสุขภาพดี ไม่มีโรคติดต่อเรื้อรัง
5. เป็นผู้ไม่ติดสิ่งเสพติดทุกชนิด มีบุหรี่เป็นต้น
6. เป็นผู้มีความตั้งใจในการศึกษาและการปฏิบัติ
7. ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสหรือเจ้าสำนักฯ ที่พำนักอยู่
เอกสารหลักฐานประกอบการสมัคร
1. สำเนาบัตรประจำตัว/บัตรต่างด้าว/หนังสือเดินทาง 2 ชุด
2. สำเนาหนังสือสุทธิ 2 ชุด
ผู้สนใจสมัครได้ที่***
สำนักวิปัสสนา มูลนิธิแนบมหานีรานนท์
84/1 หมู่ 2 ถ.พุทธมณฑลสาย 5 ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ. นครปฐม 73210
โทรศัพท์: 028894417, 0993863119
ทุกวันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา 8.00 ถึง 17.00 น.
***หมายเหตุ: สามารถโทรศัพท์ไปลงชื่อสมัครล่วงหน้าก่อนได้ โดยเดินทางไปรายงานตัวที่มูลนิธิฯ ก่อนวันที่อบรมความรู้พื้นฐานก่อนสอบ
กำหนดการการอบรมฯ สอบคัดเลือก และประกาศผล
วันที่ 29-30 เมษายน 2567 อบรมความรู้พื้นฐานก่อนสอบคัดเลือก
วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 สอบคัดเลือกข้อเขียนและสัมภาษณ์
วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ประกาศผลสอบคัดเลือก***
***หมายเหตุ: หลังจากประกาศผลสอบคัดเลือกแล้ว รูปใด/ท่านใดสอบคัดเลือกผ่านแล้ว ให้นำเอกสารหลักฐานมาเพิ่มเติม ดังนี้
๑. รูปถ่ายหน้าตรง 1 นิ้ว 2 ใบ
๒. หนังสือรับรองจากเจ้าอาวาสหรือเจ้าสำนักที่พำนักอยู่
๓. ใบรับรองแพทย์
กำหนดการเปิดและปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2567
ภาคต้น เปิดภาคเรียนที่ 1 วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
ปิดภาคเรียนที่ 1 วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2567
ภาคปลาย เปิดภาคเรียนที่ 2 วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ปิดภาคเรียนที่ 2 วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2568
สังเขปเนื้อหารายวิชา
หลักสูตรศึกษาพระอภิธรรมประจำ ๒ ปี
อภิธัมมัตถสังคหะ ๙ ปริจเฉท
คัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมเนื้อหาสำคัญจากพระอภิธรรมปิฎกและอรรถกถาพระอภิธรรมไว้โดยย่อ จัดเป็นคัมภีร์ประเภทอรรถกถาสังเขป (อรรถกถาสรุปความ) รจนาโดยพระอนุรุทธาจารย์ ชาวเมืองท่ากาเวริ เขตเมืองกัญจิปุระ แคว้นโจฬะ อินเดียตอนใต้ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๗ แบ่งเป็น ๙ ปริจเฉท (ตอน) ดังนี้
ปริจเฉทที่ ๑ จิตสังคหวิภาค แสดงเรื่องจิตปรมัตถ์ จำแนกจิตปรมัตถ์โดยความเป็นกุศลจิต อกุศลจิต วิบากจิต กิริยาจิต เป็นต้น เมื่อรวบรวมจิตประเภทต่างๆ แล้ว ได้ ๘๙ หรือ ๑๒๑ อย่าง
ปริจเฉทที่ ๒ เจตสิกสังคหวิภาค แสดงเรื่องเจตสิกปรมัตถ์ เป็นธรรมที่ปรุงแต่งจิตให้เป็นไปในการรับรู้อารมณ์ต่างๆ เช่น จิตโลภ จิตโกรธ จิตหลงและจิตมีสติ มีสมาธิ มีปัญญาฯ โดยมี ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา โลภะ โทสะ โมหะ สัทธา สติ และปัญญาเจตสิก เป็นต้น เจตสิกเป็นตัวปรุงแต่ง จำแนกเป็นหมวดๆ ได้ ๓ หมวด รวบรวมสภาวลักษณะของเจตสิกแล้ว มี ๕๒ อย่าง พร้อมทั้งแสดงเจตสิกแต่ละอย่างเกิดในจิตดวงไหนได้บ้าง จิตแต่ละดวงนั้นมีเจตสิกเกิดร่วมได้เท่าไร อะไรบ้าง
ปริจเฉทที่ ๓ ปกิณณกสังคหวิภาค แสดงการรวบรวมธรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับจิตและเจตสิกซึ่งเป็นนามธรรม เมื่อรวมแล้วได้สภาวธรรม ๕๓ ประการ (จิต ๑ เจตสิก ๕๒) จำแนกออกเป็น ๖ หมวด ตามประเภทแห่ง เวทนา เหตุ กิจ ทวาร อารมณ์และวัตถุ
ปริจเฉทที่ ๔ วิถีสังคหวิภาค แสดงความเป็นไปของจิตและเจตสิกที่เกิดขึ้นตามลำดับ ในขณะที่รับอารมณ์ ตามทวารต่างๆ ทั้งทางปัญจทวารและทางมโนทวาร ที่เป็นกามวิถีและอัปปนาวิถี เป็นต้น
ปริจเฉทที่ ๕ วิถีมุตตสังคหวิภาค แสดงเรื่องจิตที่พ้นวิถี ภูมิที่อยู่อาศัยของสัตว์ การปฏิสนธิจิตของสัตว์ในภูมิต่างๆ แม้รูปปฏิสนธิของอสัญญสัตตพรหม ตลอดจนแสดงถึงเรื่องกรรมของสัตว์ที่จะให้วิบากกรรมเกิดขึ้นในภูมิต่างๆ และสัตว์ทั้งหลายที่ใกล้จะตาย ต้องได้รับอารมณ์จากกรรมของตนไปปฏิสนธิใหม่ในภพหน้า
ปริจเฉทที่ ๖ รูปสังคหวิภาค แสดงเรื่องรูปปรมัตถ์ ๒๘ อย่าง และนิพพานปรมัตถ์
๑) รูปปรมัตถ์ แสดงเรื่องรูปปรมัตถ์ตามสภาวะลักษณะ ๒๘ อย่าง พร้อมทั้งแสดงตามนัยเอกมาติกา ทุกมาติกา แสดงสมุฏฐานที่เป็นเหตุให้รูปเกิดขึ้น แสดงจำนวนการเกิดดับของรูปธรรม ตามนัยแห่งภูมิ ตามนัยแห่งกาล ตามนัยแห่งกำเนิดทั้ง ๔
๒) นิพพานปรมัตถ์ เป็นอารมณ์ของโลกุตตรจิต ไม่มีความเกิดและความดับ พ้นจากกาลทั้ง ๓ คือ ปัจจุบัน อดีต และอนาคต เรียกว่า กาลวิมุติ พ้นจากความเป็นขันธ์ทั้ง ๕ เรียกว่า ขันธวิมุติ พ้นจากการปรุงแต่งด้วยปัจจัย ๔ คือ กรรม จิต อุตุ และอาหาร เรียกว่า อสังขตธรรม นิพพานเป็นธรรมที่ประเสริฐ เลิศกว่าธรรมทั้งปวงเพราะเป็นธรรมที่ดับทุกข์และกิเลส
ปริจเฉทที่ ๗ สมุจจยสังคหวิภาค แสดงสภาวธรรมทั้งหลายที่สงเคราะห์เข้ากันได้เป็นหมวดเป็นหมู่ คือหมวดอกุศลสังคหะ มิสสกสังคหะ โพธิปักขิยสังคหะ และสงเคราะห์ปรมัตถธรรมทั้งหมดเป็น ๕ กอง มี กองขันธ์ อุปาทานักขันธ์ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ และอริยสัจ ๔ รวมความแล้ว แสดงธรรมที่เป็นไปเพื่อทุกข์และธรรมที่พ้นทุกข์
ปริจเฉทที่ ๘ ปัจจยสังคหวิภาค แสดงสภาวธรรมที่เป็นปัจจัยอุปการะกัน อาศัยกันเกิดขึ้นติดต่อเนื่องกัน ทำให้นามรูปเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏหาที่สิ้นสุดมิได้ เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท และแสดงปัจจัยให้พิสดารเป็น ๒๔ ปัจจัย เรียก ปัฏฐานนัย หรือ ปัจจัย ๒๔ ตลอดจนบัญญัติธรรม
ปริจเฉทที่ ๙ กัมมัฏฐานสังคหวิภาค แสดงการปฏิบัติสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน
ธัมมสังคณีมาติกา
ธัมมสังคณี เป็นคัมภีร์ที่ ๑ ของพระอภิธรรมปิฎก ซึ่งมีทั้งหมด ๗ คัมภีร์ และเป็นคัมภีร์สำคัญที่สุด เพราะเป็นคัมภีร์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงหัวข้อธรรม ที่เป็นเนื้อหาหลักของพระอภิธรรมปิฎก เรียกว่า “มาติกา” ไว้เป็นเบื้องต้น แบ่งออกเป็น ๓ อย่าง คือ
(๑) ติกมาติกา ๒๒ ติกะ
(๒) ทุกมาติกา ๑๐๐ ทุกะ
(๓) สุตตันติกทุกมาติกา ๔๒ ทุกะ
“มาติกา” แปลว่า แม่บท หรือ หัวข้อ เป็นการรวบรมปรมัตถธรรมทั้งหมดไว้เป็นหมวดหมู่ จากนั้นก็ทรงแสดงขยายออกไปเป็น ๔ กัณฑ์ คือ จิตตุปปาทกัณฑ์ (แสดงเรื่องจิตและเจตสิก) รูปกัณฑ์ (แสดงเรื่องรูป) นิกเขปกัณฑ์ (แสดงติกมาติกาและทุกมาติการวมกัน) และอัฏฐกถากัณฑ์ (แสดงเพื่อเก็บองค์ธรรมของติกมาติกาและทุกมาติกา)
สำหรับหนังสือคู่มือการศึกษา “ธัมมสังคณีมาติกา” นี้ เป็นการจำแนกองค์ธรรมของ “ติกมาติกา” “ทุกมาติกา” และ “สุตตันติกทุกมาติกา” ในคัมภีร์ธัมมสังคณีปกรณ์ ตามนัยของคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหอรรถกถาและฏีกา โดยสังเขป เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับนักศึกษานำไปศึกษาค้นคว้าต่อในคัมภีร์ชั้นสูงขึ้นไป
มหาปัฏฐาน
(กุสลติกมาติกา ปัญหาวาระ อนุโลมนัย)
คัมภีร์มหาปัฏฐาน หรือ “ปัฏฐาน” เป็นคัมภีร์ที่ ๗ ของพระอภิธรรมปิฎก ซึ่งมีทั้งหมด ๗ คัมภีร์ เป็นคัมภีร์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำเอาปรมัตถธรรมที่เป็นจุดตั้งต้น คือ ปัจจัย จำนวน ๒๔ ปัจจัย มาแสดงให้เห็นความสามารถ (สัตติ) และหน้าที่ของปัจจัยแต่ละปัจจัย แล้วทรงนำมาติกาในธัมมสังคณีปกรณ์ ๑๒๒ หมวด มาจำแนกด้วยปัจจัยทั้ง ๒๔ ปัจจัย เพื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์โดยความเป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน
สำหรับหนังสือคู่มือการศึกษา “มหาปัฏฐาน” (กุสลติกมาติกา ปัญหาวาระ อนุโลมนัย) นี้ เป็นการแสดงองค์ธรรมของปัจจยุเทสและปัจจยนิเทส ๒๔ ปัจจัย ในธัมมานุโลม ติกปัฏฐาน และแสดงการจำแนกกุสลติกมาติกาด้วยปัจจัย ๒๔ ในปัญหาวาระ ปัจจยานุโลม วิภังควาระ โดยแสดงองค์ธรรมตามนัยอภิธัมมัตถสังคหอรรถกถาและฏีกา
วิสุทธิมัค (สังเขป)
คัมภีร์วิสุทธิมัค เป็นคัมภีร์ว่าด้วยทางปฏิบัติเพื่อความหมดจด “วิสุทธิมัค” แปลว่า ทางแห่งความหมดจด คือ สิกขา ๓ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นทางปฏิบัติเพื่อความหมดจดจากกิเลส รจนาโดยพระพุทธโฆสมหาเถระ ชาวอินเดียใต้ ปีพุทธศักราช ๙๕๖ ในรัชสมัยพระเจ้ามหานาม ประเทศศรีลังกา โดยประมวลพระไตรปิฎกพร้อมด้วยอรรถกถาโดยสังเขปแล้วรจนาคัมภีร์วิสุทธิมัคขึ้น
ในการรจนานั้น ท่านได้ยกพระคาถาบทหนึ่งจากสังยุตตนิกาย มาเป็นบทนำของคัมภีร์ว่า
สีเล ปติฏฺฐาย นโร สปญฺโญ จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวยํ
อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ โส อิมํ วิชฏเย ชฏํ.
สํ.ส. ๑๕/๖๑/๒๐ (สฺยา)
แปลความว่า “นรชนผู้มีปัญญา เห็นภัยในสังสารวัฏ ดำรงอยู่ในศีลแล้ว เจริญจิตและปัญญา มีความเพียร มีปัญญาเครื่องบริหารนั้น ย่อมถางชัฏนี้ได้”
ต่อจากนั้นท่านจึงได้อธิบายศีล สมาธิ ปัญญา ตามใจความพระคาถาข้างต้น โดยจำแนกออกเป็น ๒๓ หัวข้อ (ปริจเฉท) คือ
-
ศีลนิเทศ แสดงถึงการรักษาศีล
-
ธุตังคนิเทศ แสดงถึงวิธีการบำเพ็ญธุดงควัตร
-
กัมมัฏฐานคหณนิเทศ แสดงถึงบุพกิจเบื้องต้นก่อนการเจริญสมถกรรมฐาน
-
ปฐวีกสิณนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญปฐวีกสิณ โดยละเอียด
-
เสสกสิณนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญกสิณ ที่เหลืออีก ๙ ประการ
-
อสุภกัมมัฏฐานนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอสุภกรรมฐาน ๑๐ ประการ
-
ฉอนุสสตินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอนุสสติกรรมฐาน ๖ ประการแรก ตั้งแต่พุทธานุสสติ ถึง เทวตานุสสติ
-
อนุสสติกัมมัฏฐานนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอนุสสติกรรมฐาน ที่เหลืออีก ๔ ประการ
-
พรหมวิหารนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญพรหมวิหารกรรมฐาน ๔ ประการ
-
อารุปปนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอรูปกรรมฐาน ๔ ประการ
-
สมาธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอาหาเรปฏิกูลสัญญา และจตุธาตุววัตถาน
-
อิทธิวิธินิเทศ แสดงถึงวิธีการแสดงฤทธิ์ต่างๆ ๑๐ ประการ อันเป็นผลมาจากการเจริญสมถกรรมฐาน
-
อภิญญานิเทศ แสดงถึงอภิญญา ๖ ประการ อันเป็นผลจากการเจริญสมถกรรมฐาน
-
ขันธนิเทศ แสดงถึงขันธ์ ๕ อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
-
อายตนธาตุนิเทศ แสดงถึงอายตนะ ๑๒ และ ธาตุ ๑๘ อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
-
อินทริยสัจจนิเทศ แสดงถึงอินทรีย์ ๒๒ และอริยสัจ ๔ อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
-
ปัญญาภูมินิเทศ แสดงถึงปฏิจจสมุปบาท ๑๒ ประการ อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
-
ทิฏฐิวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนเห็นรูปนามตามความเป็นจริง
-
กังขาวิตรณวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนสิ้นความสงสัยในสภาวธรรม เพราะเห็นรูปนามพร้อมเหตุปัจจัย
-
มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนข้ามพ้นวิปัสสนูปกิเลส
-
ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนดำเนินไปตามวิถีของวิปัสสนาญาณ ๙
-
ญาณทัสสนวิสุทธินิเทศแสดง ถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนได้บรรลุอริยมรรค เป็นพระอริยบุคคล
-
ปัญญาภาวนานิสังสนิเทศ แสดงถึงอานิสงส์ของการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน