สังเขปเนื้อหารายวิชา หลักสูตรศึกษาพระอภิธรรมประจำ ๒ ปี

สังเขปเนื้อหารายวิชา

หลักสูตรศึกษาพระอภิธรรมประจำ ๒ ปี

อภิธัมมัตถสังคหะ ๙ ปริจเฉท

          คัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมเนื้อหาสำคัญจากพระอภิธรรมปิฎกและอรรถกถาพระอภิธรรมไว้โดยย่อ จัดเป็นคัมภีร์ประเภทอรรถกถาสังเขป (อรรถกถาสรุปความ) รจนาโดยพระอนุรุทธาจารย์ ชาวเมืองท่ากาเวริ เขตเมืองกัญจิปุระ แคว้นโจฬะ อินเดียตอนใต้ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๗  แบ่งเป็น ๙ ปริจเฉท (ตอน) ดังนี้

          ปริจเฉทที่ ๑ จิตสังคหวิภาค แสดงเรื่องจิตปรมัตถ์ จำแนกจิตปรมัตถ์โดยความเป็นกุศลจิต อกุศลจิต วิบากจิต กิริยาจิต เป็นต้น เมื่อรวบรวมจิตประเภทต่างๆ แล้ว ได้ ๘๙ หรือ ๑๒๑ อย่าง

          ปริจเฉทที่ ๒ เจตสิกสังคหวิภาค แสดงเรื่องเจตสิกปรมัตถ์ เป็นธรรมที่ปรุงแต่งจิตให้เป็นไปในการรับรู้อารมณ์ต่างๆ เช่น จิตโลภ จิตโกรธ จิตหลงและจิตมีสติ มีสมาธิ มีปัญญาฯ โดยมี ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา โลภะ โทสะ โมหะ สัทธา สติ และปัญญาเจตสิก เป็นต้น เจตสิกเป็นตัวปรุงแต่ง จำแนกเป็นหมวดๆ ได้ ๓ หมวด รวบรวมสภาวลักษณะของเจตสิกแล้ว มี ๕๒ อย่าง พร้อมทั้งแสดงเจตสิกแต่ละอย่างเกิดในจิตดวงไหนได้บ้าง จิตแต่ละดวงนั้นมีเจตสิกเกิดร่วมได้เท่าไร อะไรบ้าง

          ปริจเฉทที่ ๓ ปกิณณกสังคหวิภาค แสดงการรวบรวมธรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับจิตและเจตสิกซึ่งเป็นนามธรรม เมื่อรวมแล้วได้สภาวธรรม ๕๓ ประการ (จิต ๑ เจตสิก ๕๒) จำแนกออกเป็น ๖ หมวด ตามประเภทแห่ง เวทนา เหตุ กิจ ทวาร อารมณ์และวัตถุ

          ปริจเฉทที่ ๔ วิถีสังคหวิภาค แสดงความเป็นไปของจิตและเจตสิกที่เกิดขึ้นตามลำดับ ในขณะที่รับอารมณ์ ตามทวารต่างๆ ทั้งทางปัญจทวารและทางมโนทวาร ที่เป็นกามวิถีและอัปปนาวิถี เป็นต้น

         ปริจเฉทที่ ๕ วิถีมุตตสังคหวิภาค แสดงเรื่องจิตที่พ้นวิถี ภูมิที่อยู่อาศัยของสัตว์ การปฏิสนธิจิตของสัตว์ในภูมิต่างๆ แม้รูปปฏิสนธิของอสัญญสัตตพรหม ตลอดจนแสดงถึงเรื่องกรรมของสัตว์ที่จะให้วิบากกรรมเกิดขึ้นในภูมิต่างๆ และสัตว์ทั้งหลายที่ใกล้จะตาย ต้องได้รับอารมณ์จากกรรมของตนไปปฏิสนธิใหม่ในภพหน้า

          ปริจเฉทที่ ๖ รูปสังคหวิภาค แสดงเรื่องรูปปรมัตถ์ ๒๘ อย่าง และนิพพานปรมัตถ์

          ๑) รูปปรมัตถ์ แสดงเรื่องรูปปรมัตถ์ตามสภาวะลักษณะ ๒๘ อย่าง พร้อมทั้งแสดงตามนัยเอกมาติกา ทุกมาติกา แสดงสมุฏฐานที่เป็นเหตุให้รูปเกิดขึ้น แสดงจำนวนการเกิดดับของรูปธรรม ตามนัยแห่งภูมิ ตามนัยแห่งกาล ตามนัยแห่งกำเนิดทั้ง ๔

          ๒) นิพพานปรมัตถ์ เป็นอารมณ์ของโลกุตตรจิต ไม่มีความเกิดและความดับ พ้นจากกาลทั้ง ๓ คือ ปัจจุบัน อดีต และอนาคต เรียกว่า กาลวิมุติ พ้นจากความเป็นขันธ์ทั้ง ๕ เรียกว่า ขันธวิมุติ พ้นจากการปรุงแต่งด้วยปัจจัย ๔ คือ กรรม จิต อุตุ และอาหาร เรียกว่า อสังขตธรรม นิพพานเป็นธรรมที่ประเสริฐ เลิศกว่าธรรมทั้งปวงเพราะเป็นธรรมที่ดับทุกข์และกิเลส

          ปริจเฉทที่ ๗ สมุจจยสังคหวิภาค แสดงสภาวธรรมทั้งหลายที่สงเคราะห์เข้ากันได้เป็นหมวดเป็นหมู่ คือหมวดอกุศลสังคหะ มิสสกสังคหะ โพธิปักขิยสังคหะ และสงเคราะห์ปรมัตถธรรมทั้งหมดเป็น ๕ กอง มี กองขันธ์ อุปาทานักขันธ์ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ และอริยสัจ ๔ รวมความแล้ว แสดงธรรมที่เป็นไปเพื่อทุกข์และธรรมที่พ้นทุกข์

          ปริจเฉทที่ ๘ ปัจจยสังคหวิภาค แสดงสภาวธรรมที่เป็นปัจจัยอุปการะกัน อาศัยกันเกิดขึ้นติดต่อเนื่องกัน ทำให้นามรูปเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏหาที่สิ้นสุดมิได้ เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท และแสดงปัจจัยให้พิสดารเป็น ๒๔ ปัจจัย เรียก ปัฏฐานนัย หรือ ปัจจัย ๒๔ ตลอดจนบัญญัติธรรม

          ปริจเฉทที่ ๙ กัมมัฏฐานสังคหวิภาค แสดงการปฏิบัติสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน

ธัมมสังคณีมาติกา

          ธัมมสังคณี เป็นคัมภีร์ที่ ๑ ของพระอภิธรรมปิฎก ซึ่งมีทั้งหมด ๗ คัมภีร์  และเป็นคัมภีร์สำคัญที่สุด เพราะเป็นคัมภีร์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงหัวข้อธรรม ที่เป็นเนื้อหาหลักของพระอภิธรรมปิฎก เรียกว่า “มาติกา” ไว้เป็นเบื้องต้น แบ่งออกเป็น ๓ อย่าง คือ

(๑) ติกมาติกา ๒๒ ติกะ

(๒) ทุกมาติกา ๑๐๐ ทุกะ

(๓) สุตตันติกทุกมาติกา ๔๒ ทุกะ

          มาติกา แปลว่า แม่บท หรือ หัวข้อ เป็นการรวบรมปรมัตถธรรมทั้งหมดไว้เป็นหมวดหมู่ จากนั้นก็ทรงแสดงขยายออกไปเป็น ๔ กัณฑ์ คือ จิตตุปปาทกัณฑ์ (แสดงเรื่องจิตและเจตสิก) รูปกัณฑ์ (แสดงเรื่องรูป) นิกเขปกัณฑ์ (แสดงติกมาติกาและทุกมาติการวมกัน) และอัฏฐกถากัณฑ์ (แสดงเพื่อเก็บองค์ธรรมของติกมาติกาและทุกมาติกา)

          สำหรับหนังสือคู่มือการศึกษา “ธัมมสังคณีมาติกา นี้ เป็นการจำแนกองค์ธรรมของ “ติกมาติกา” “ทุกมาติกา” และ “สุตตันติกทุกมาติกา” ในคัมภีร์ธัมมสังคณีปกรณ์ ตามนัยของคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหอรรถกถาและฏีกา โดยสังเขป เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับนักศึกษานำไปศึกษาค้นคว้าต่อในคัมภีร์ชั้นสูงขึ้นไป

มหาปัฏฐาน 

(กุสลติกมาติกา ปัญหาวาระ อนุโลมนัย)

          คัมภีร์มหาปัฏฐาน หรือ ปัฏฐาน เป็นคัมภีร์ที่ ๗ ของพระอภิธรรมปิฎก ซึ่งมีทั้งหมด ๗ คัมภีร์ เป็นคัมภีร์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำเอาปรมัตถธรรมที่เป็นจุดตั้งต้น คือ ปัจจัย จำนวน ๒๔ ปัจจัย มาแสดงให้เห็นความสามารถ (สัตติ) และหน้าที่ของปัจจัยแต่ละปัจจัย แล้วทรงนำมาติกาในธัมมสังคณีปกรณ์ ๑๒๒ หมวด มาจำแนกด้วยปัจจัยทั้ง ๒๔ ปัจจัย เพื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์โดยความเป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน

          สำหรับหนังสือคู่มือการศึกษา “มหาปัฏฐาน” (กุสลติกมาติกา ปัญหาวาระ อนุโลมนัย) นี้ เป็นการแสดงองค์ธรรมของปัจจยุเทสและปัจจยนิเทส ๒๔ ปัจจัย ในธัมมานุโลม ติกปัฏฐาน และแสดงการจำแนกกุสลติกมาติกาด้วยปัจจัย ๒๔ ในปัญหาวาระ ปัจจยานุโลม วิภังควาระ โดยแสดงองค์ธรรมตามนัยอภิธัมมัตถสังคหอรรถกถาและฏีกา

วิสุทธิมัค (สังเขป)

          คัมภีร์วิสุทธิมัค เป็นคัมภีร์ว่าด้วยทางปฏิบัติเพื่อความหมดจด “วิสุทธิมัค” แปลว่า ทางแห่งความหมดจด คือ สิกขา ๓ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา  อันเป็นทางปฏิบัติเพื่อความหมดจดจากกิเลส  รจนาโดยพระพุทธโฆสมหาเถระ ชาวอินเดียใต้ ปีพุทธศักราช ๙๕๖  ในรัชสมัยพระเจ้า  มหานาม ประเทศศรีลังกา โดยประมวลพระไตรปิฎกพร้อมด้วยอรรถกถาโดยสังเขปแล้วรจนาคัมภีร์วิสุทธิมัคขึ้น

          ในการรจนานั้น ท่านได้ยกพระคาถาบทหนึ่งจากสังยุตตนิกาย มาเป็นบทนำของคัมภีร์ว่า

สีเล ปติฏฺฐาย นโร สปญฺโญ    จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวยํ

อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ                 โส อิมํ วิชฏเย ชฏํ.

สํ.ส. ๑๕/๖๑/๒๐ (สฺยา)

          แปลความว่า “นรชนผู้มีปัญญา เห็นภัยในสังสารวัฏ ดำรงอยู่ในศีลแล้ว เจริญจิตและปัญญา มีความเพียร มีปัญญาเครื่องบริหารนั้น ย่อมถางชัฏนี้ได้”

          ต่อจากนั้นท่านจึงได้อธิบายศีล สมาธิ ปัญญา ตามใจความพระคาถาข้างต้น โดยจำแนกออกเป็น ๒๓ หัวข้อ (ปริจเฉท) คือ

         หนังสือคู่มือการศึกษา “วิสุทธิมัค (สังเขป) นี้ เป็นการย่อความจากอรรถกถาวิสุทธิมรรคแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นการรวบรวมเอาเฉพาะเนื้อหาที่มีความสำคัญอันจำเป็นที่นักศึกษาจะต้องทราบ ตามลำดับ ๒๓ ปริจเฉท