- Home
- ภาพกิจกรรม
- **กฐินกาล 2560
- **งาน 120 ปี ภัททันตะวิลาสะและอาจารย์แนบ มหานีรานนท์
- **ทอดผ้าป่า วันวิสาขบูชา 2560
- **วันมาฆบุชา 2560
- **เชิญชวนร่วมทำบุญถวายภัตตาหารที่มูลนิธิแนบมหานีรานนท์
- **กฐินกาล 2561
- **ถวายผ้ากฐินสามัคคี ๒๕๕๙
- **อุโบสถ
- **วันอาสาฬหบูชา ๒๕๕๙
- **วันวิสาขบูชา พ.ศ.๒๕๕๙
- **วันมาฆบูชา พ.ศ.๒๕๕๙
- **วันมาฆบูชา พ.ศ. ๒๕๕๘
- **วันวิสาขบูชา 2558
- **วันอาสาฬหบูชา 2558
- **วันวิสาขบูชา พ.ศ.2556
- วารสารและบทความ
- **ควรทำอะไรในวันปีใหม่
- **ความสำคัญในพระพุทธศาสนา
- **สัมมาทิฏฐิ ๖
- **หนังสืออนุสรณ์ 120 ปี ชาตกาล ภัททันตะวิลาสมหาเถระ และอาจารย์แนบ มหานีรานนท์
- Vipassana Bhavana
- ทุกข์และการกำหนดรู้ทุกข์ โดย อ.แนบ มหานีรานนท์
- ปัญญาสาร ฉบับที่ 139
- ปัญญาสาร ฉบับที่ 140
- ปัญญาสาร ฉบับที่ 141
- ปัญญาสาร ฉบับที่ 142
- ปัญญาสาร ฉบับที่ 143
- ปัญญาสาร ฉบับที่ 144
- ปัญญาสาร ฉบับที่ 145
- ปัญญาสารฉบับที่ 116
- ปัญญาสารฉบับที่ 128
- ปัญญาสารฉบับที่ 129
- ปัญญาสารฉบับที่ 130
- ปัญญาสารฉบับที่ 131
- ปัญญาสารฉบับที่ 132
- ปัญญาสารฉบับที่ 133
- ปัญญาสารฉบับที่ 134
- ปัญญาสารฉบับที่ 135
- ปัญญาสารฉบับที่ 136
- **ศีลวิสุทธิ
- **จิตฺตวิสุทฺธิ
- **ทิฏฐิวิสุทธิ
- **กังขาวิตรณวิสุทธิ
- **มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ
- **ปฏิปทาญาณทัสสนาวิสุทธิ ตอนที่ ๑
- **ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ (ตอนที่ ๒)
- **ปฏิปทาญาณทัสสนาวิปสุทธิ(ตอนที่ ๓)
- **ปฏิปทาญาณทัสสนาวิสุทธิตอนที่๔ (ตอนจบ)
- **ญาณทัสสนวิสุทธิ
- **อานิสงส์ของการปฏิบัติธรรม
- **มรดกธรรมอันล้ำค่า
- **การเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
- หนังสือเรียน
- คู่มือการศึกษาคัมภีร์มหาปัฏฐาน
- คู่มือการศึกษาธัมมสังคณีมาติกา
- อภิธัมมัตถสังคหะแปลไทย
- อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๑
- อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๒
- อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๓
- อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๔
- อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๕
- อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๖
- อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๗
- อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๘
- อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๙
- หนังสือการปฏิบัติวิปัสสนา (อ.แนบ)
- วิสุทธิมัค(สังเขป)
- พระพุทธศาสนาพื้นฐาน
- กิจกรรม
- อภิธัมมัตถสังคหะบรรยาย
- ธรรมบรรยาย
- สำนักปฏิบัติธรรม
- เกี่ยวกับ
Sep 22 2017
สังเขปความเป็นมาของคัมภีร์อรรถกถา
สังเขปความเป็นมาของคัมภีร์อรรถกถา
คัมภีร์ “อรรถกถถา” ส่วนใหญ่ เป็นผลงานแปลจาก “มหาอรรถกถา” หรือ “มูลอรรถกถา” ภาษาสิงหล มาเป็นภาษามคธหรือภาษาบาลี ของพระพุทธโฆสมหาเถระ ชาวอินเดีย ในปีพุทธศักราช ๙๔๕ โดยมติของคณะสงฆ์สำนักมหาวิหาร เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดกัลยาณีวิหาร ประเทศศรีลังกา
ภาพพระพุทธโฆสมหาเถระ ถวายคัมภีร์วิสุทธิมรรค ที่ท่านรจนา ๓ ฉบับ ให้แก่พระสังฆราชของคณะสงฆ์มหาวิหาร ซึ่งเป็นบททดสอบก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้แปลคัมภีร์อรรถกถาภาษาสิงหลเป็นภาษาบาลี
“มหาอรรถกถา” หรือ “มูลอรรถกถา” นี้แต่เดิมเป็นภาษาบาลี ซึ่งได้รับการสังคายนามาพร้อมกับพระไตรปิฎก ๓ ครั้ง ต่อมาพระมหินทเถระ พระราชโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เกาะลังกา หลังจากสังคายนาครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๓๔ จึงได้แปลอรรถกถาภาษาบาลีเป็นเป็นภาษาสิงหลเพื่ออนุเคราะห์กุลบุตรชาวสิงหล และอรรถกถานี้ท่านเรียกว่า “ปกิณณกเทศนา” ของพระพุทธเจ้า ดังข้อความในหนังสือ “ประวัติคัมภีร์อรรถกถา” ว่า
“…ในสมัยพุทธกาลก็มีอรรถาธิบายพระพุทธพจน์ เรียกว่า ปกิณณกเทศนา ซึ่งเป็นข้อความที่พระพุทธเจ้าทรงอธิบายหลักธรรมที่เข้าใจยากให้กระจ่างชัดเจนด้วยพระองค์เอง ในสมัยสังคายนา พระเถระผู้ร้อยกรองพระธรรมวินัย มิได้สงเคราะห์เทศนานี้เข้าในพระไตรปิฎก เพราะถือว่าเป็นคำอธิบายอีกทอดหนึ่ง แต่ท่านได้สังคายนาปกิณณกเทศนา เมื่อร้อยกรองพระไตรปิฎกเสร็จสิ้นลง โดยเรียกว่า “มหาอรรถกถา” (วิ.อฏฺ.๑/๓, ๓/๕๗๑, ที.อฏฺ.๓/๒๖๗, ม.อฏฺ.๔/๒๕๙, สํ.อฏฺ.๓/๓๙๓ มจร.) นอกจากคัมภีร์มหาอรรถกถา รวบรวมปกิณณกเทศนาของพระพุทธเจ้าแล้ว คัมภีร์นี้ยังกอปรด้วยคำอธิบายของพระสาวกมีพระสารีบุตรเป็นอาทิอีกด้วย…”[1]
และอรรถกถานี้ ชื่อว่า “อาจริยวาท” ที่สมควรต่อพระพุทธพจน์ ดังข้อความว่า
อาจริยวาโท นาม ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปญฺจหิ อรหนฺตสเตหิ ฐปิตา
ปาลิวินิมุตฺตา โอกฺกนฺตวินิจฺฉยปวตฺตา อฏฺฐกถาตนฺติ. (วิ.อฏฺ. ๑/๒๔๓ มจร.)
แปลความว่า ที่ชื่อว่า อาจริยวาท ได้แก่ แบบอรรถกถา ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยอันหยั่งลงด้วยญาณ นอกจากพระบาลี ที่พระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ ผู้เป็นธรรมสังคาหก (ผู้รวบรวมพระธรรมวินัย) ตั้งไว้.
ยทิปิ ตตฺถ ตตฺถ ภควตา ปวตฺติตา ปกิณฺณกเทสนา อฏฺฐกถา. (สารตฺถ. ๒/๔๕ มจร.)
แปลความว่า อรรถกถา เป็นปกิณณกเทศนา ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ ในที่นั้นๆ (เมืองโน้น หมู่บ้านนี้)
ในคัมภีร์มหาวงศ์ (พงศาวดารลังกา) ปริจเฉท ๓๗ คาถา ๒๒๘ – ๙ ยังได้กล่าวถึงพระมหินทเถระแปลอรรถกถาภาษาบาลีเป็นภาษาสิงหล และแสดงถึงอรรถกถาได้รับการสังคายนามาทั้ง ๓ ครั้งไว้ ดังนี้
สีหฬาฏฺฐกถา สุทฺธา มหินฺเทน มตีมตา
สํคีติตฺตยมารุฬํ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ.
สาริปุตฺตาทิคีตญฺจ กถามคฺคํ สเมกฺขิย
เอกา สีหฬภาสาย สีหเฬสุ ปวตฺตติ.
แปลความว่า พระมหินทเถระผู้ทรงปัญญาได้ประพันธ์อรรถกถาสิงหลอันบริสุทธิ์ด้วยภาษาสิงหล โดยรวบรวมพระดำรัสที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง และพระสารีบุตรเป็นอาทิกล่าวไว้ ซึ่งได้รับการสังคายนา ๓ ครั้ง มีปรากฎอยู่ในลังกาทวีป[2]
[1] พระคันธสาราภิวงศ์, ประวัติคัมภีร์อรรถกถา ในอสีติกปูชา พระภัททันตธัมมานันทมหาเถระ, ๒๕๔๓, หน้า ๓๘๕.
[2] เรื่องเดียวกัน
ผลงานแปลอรรถกถาของพระพุทธโฆสาจารย์ ตามลิงก์นี้ https://th.wikipedia.org/wiki/
By ผู้ดูแลระบบ • Uncategorized •