**ข่าวประกาศรับสมัครนักศึกษาพระอภิธรรมหลักสูตรประจำ 2 ปี พ.ศ. 2569**
เปิดรับสมัครนักศึกษาพระอภิธรรมหลักสูตรประจำ 2 ปี
รุ่นที่ 40 ปีการศึกษา 2569
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 28 เมษายน 2569
(รับจำนวนไม่เกิน 50 ท่าน)
เปิดรับสมัครพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และฆราวาส เข้าศึกษาพระอภิธรรมหลักสูตรประจำ 2 ปี โดยใช้ “คัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ (ฉบับแปลอธิบาย 9 ปริจเฉท)” “ธัมมสังคณีมาติกา (จำแนกองค์ธรรมของติกมาติกาและทุกมาติกา)” “มหาปัฏฐาน (กุสลติกมาติกา ปัญหาวาระ อนุโลมนัย)” และ “วิสุทธิมัค (สังเขป)” เป็นหลักสูตรการศึกษา รุ่นที่ 40 ประจำปีการศึกษา 2569 ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2569
หมายเหตุ: พระภิกษุ สามเณร และแม่ชี พักในสำนักฯ ส่วนฆราวาส พักนอกสำนักฯ
คุณสมบัติผู้สมัคร
1. อายุระหว่าง 18-50 ปี
2. สำเร็จการศึกษาทางโลกตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หรือเทียบเท่าขึ้นไป
3. เป็นผู้ไม่ติดภาระการศึกษาทางโลกและทางธรรมอื่นๆ
4. เป็นผู้มีสุขภาพดี ไม่มีโรคติดต่อเรื้อรัง
5. เป็นผู้ไม่ติดสิ่งเสพติดทุกชนิด มีบุหรี่เป็นต้น
6. เป็นผู้มีความตั้งใจในการศึกษาและการปฏิบัติ
7. ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสหรือเจ้าสำนักฯ ที่พำนักอยู่
เอกสารหลักฐานประกอบการสมัคร
1. สำเนาบัตรประจำตัว/บัตรต่างด้าว/หนังสือเดินทาง 2 ชุด
2. สำเนาหนังสือสุทธิ 2 ชุด
ผู้สนใจสมัครได้ที่***
สำนักวิปัสสนา มูลนิธิแนบมหานีรานนท์
84/1 หมู่ 2 ถ.พุทธมณฑลสาย 5 ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ. นครปฐม 73210
โทรศัพท์: 028894417, 0993863119
ทุกวันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา 8.00 ถึง 17.00 น.
***หมายเหตุ: สามารถโทรศัพท์ไปลงชื่อสมัครล่วงหน้าก่อนได้ โดยเดินทางไปรายงานตัวที่มูลนิธิฯ ก่อนวันที่อบรมความรู้พื้นฐานก่อนสอบ
กำหนดการการอบรมฯ สอบคัดเลือก และประกาศผล
วันที่ 29-30 เมษายน 2569 อบรมความรู้พื้นฐานก่อนสอบคัดเลือก
วันที่ 2 พฤษภาคม 2569 สอบคัดเลือกข้อเขียนและสัมภาษณ์
วันที่ 2 พฤษภาคม 2569 ประกาศผลสอบคัดเลือก***
***หมายเหตุ: หลังจากประกาศผลสอบคัดเลือกแล้ว รูปใด/ท่านใดสอบคัดเลือกผ่านแล้ว ให้นำเอกสารหลักฐานมาเพิ่มเติม ดังนี้
1. รูปถ่ายหน้าตรง 1 นิ้ว 2 ใบ
2. หนังสือรับรองจากเจ้าอาวาสหรือเจ้าสำนักที่พำนักอยู่
3. ใบรับรองแพทย์
กำหนดการเปิดและปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2569
ภาคต้น เปิดภาคเรียนที่ 1 วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2569
ปิดภาคเรียนที่ 1 วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2569
ภาคปลาย เปิดภาคเรียนที่ 2 วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2569
ปิดภาคเรียนที่ 2 วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2570
สังเขปเนื้อหารายวิชา
หลักสูตรศึกษาพระอภิธรรมประจำ 2 ปี
อภิธัมมัตถสังคหะ 9 ปริจเฉท
คัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมเนื้อหาสำคัญจากพระอภิธรรมปิฎกและอรรถกถาพระอภิธรรมไว้โดยย่อ จัดเป็นคัมภีร์ประเภทอรรถกถาสังเขป (อรรถกถาสรุปความ) รจนาโดยพระอนุรุทธาจารย์ ชาวเมืองท่ากาเวริ เขตเมืองกัญจิปุระ แคว้นโจฬะ อินเดียตอนใต้ ราวพุทธศตวรรษที่ 13 – 17 แบ่งเป็น 9 ปริจเฉท (ตอน) ดังนี้
ปริจเฉทที่ 1 จิตสังคหวิภาค แสดงเรื่องจิตปรมัตถ์ จำแนกจิตปรมัตถ์โดยความเป็นกุศลจิต อกุศลจิต วิบากจิต กิริยาจิต เป็นต้น เมื่อรวบรวมจิตประเภทต่างๆ แล้ว ได้ 89 หรือ 121 อย่าง
ปริจเฉทที่ 2 เจตสิกสังคหวิภาค แสดงเรื่องเจตสิกปรมัตถ์ เป็นธรรมที่ปรุงแต่งจิตให้เป็นไปในการรับรู้อารมณ์ต่างๆ เช่น จิตโลภ จิตโกรธ จิตหลงและจิตมีสติ มีสมาธิ มีปัญญาฯ โดยมี ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา โลภะ โทสะ โมหะ สัทธา สติ และปัญญาเจตสิก เป็นต้น เจตสิกเป็นตัวปรุงแต่ง จำแนกเป็นหมวดๆ ได้ 3 หมวด รวบรวมสภาวลักษณะของเจตสิกแล้ว มี 52 อย่าง พร้อมทั้งแสดงเจตสิกแต่ละอย่างเกิดในจิตดวงไหนได้บ้าง จิตแต่ละดวงนั้นมีเจตสิกเกิดร่วมได้เท่าไร อะไรบ้าง
ปริจเฉทที่ 3 ปกิณณกสังคหวิภาค แสดงการรวบรวมธรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับจิตและเจตสิกซึ่งเป็นนามธรรม เมื่อรวมแล้วได้สภาวธรรม 53 ประการ (จิต 1 เจตสิก 52) จำแนกออกเป็น 6 หมวด ตามประเภทแห่ง เวทนา เหตุ กิจ ทวาร อารมณ์และวัตถุ
ปริจเฉทที่ ๔ วิถีสังคหวิภาค แสดงความเป็นไปของจิตและเจตสิกที่เกิดขึ้นตามลำดับ ในขณะที่รับอารมณ์ ตามทวารต่างๆ ทั้งทางปัญจทวารและทางมโนทวาร ที่เป็นกามวิถีและอัปปนาวิถี เป็นต้น
ปริจเฉทที่ ๕ วิถีมุตตสังคหวิภาค แสดงเรื่องจิตที่พ้นวิถี ภูมิที่อยู่อาศัยของสัตว์ การปฏิสนธิจิตของสัตว์ในภูมิต่างๆ แม้รูปปฏิสนธิของอสัญญสัตตพรหม ตลอดจนแสดงถึงเรื่องกรรมของสัตว์ที่จะให้วิบากกรรมเกิดขึ้นในภูมิต่างๆ และสัตว์ทั้งหลายที่ใกล้จะตาย ต้องได้รับอารมณ์จากกรรมของตนไปปฏิสนธิใหม่ในภพหน้า
ปริจเฉทที่ 6 รูปสังคหวิภาค แสดงเรื่องรูปปรมัตถ์ 28 อย่าง และนิพพานปรมัตถ์
1) รูปปรมัตถ์ แสดงเรื่องรูปปรมัตถ์ตามสภาวะลักษณะ 28 อย่าง พร้อมทั้งแสดงตามนัยเอกมาติกา ทุกมาติกา แสดงสมุฏฐานที่เป็นเหตุให้รูปเกิดขึ้น แสดงจำนวนการเกิดดับของรูปธรรม ตามนัยแห่งภูมิ ตามนัยแห่งกาล ตามนัยแห่งกำเนิดทั้ง 4
2) นิพพานปรมัตถ์ เป็นอารมณ์ของโลกุตตรจิต ไม่มีความเกิดและความดับ พ้นจากกาลทั้ง 3 คือ ปัจจุบัน อดีต และอนาคต เรียกว่า กาลวิมุติ พ้นจากความเป็นขันธ์ทั้ง 5 เรียกว่า ขันธวิมุติ พ้นจากการปรุงแต่งด้วยปัจจัย 4 คือ กรรม จิต อุตุ และอาหาร เรียกว่า อสังขตธรรม นิพพานเป็นธรรมที่ประเสริฐ เลิศกว่าธรรมทั้งปวงเพราะเป็นธรรมที่ดับทุกข์และกิเลส
ปริจเฉทที่ 7 สมุจจยสังคหวิภาค แสดงสภาวธรรมทั้งหลายที่สงเคราะห์เข้ากันได้เป็นหมวดเป็นหมู่ คือหมวดอกุศลสังคหะ มิสสกสังคหะ โพธิปักขิยสังคหะ และสงเคราะห์ปรมัตถธรรมทั้งหมดเป็น 5 กอง มี กองขันธ์ อุปาทานักขันธ์ อายตนะ 12 ธาตุ 18 และอริยสัจ 4 รวมความแล้ว แสดงธรรมที่เป็นไปเพื่อทุกข์และธรรมที่พ้นทุกข์
ปริจเฉทที่ 8 ปัจจยสังคหวิภาค แสดงสภาวธรรมที่เป็นปัจจัยอุปการะกัน อาศัยกันเกิดขึ้นติดต่อเนื่องกัน ทำให้นามรูปเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏหาที่สิ้นสุดมิได้ เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท และแสดงปัจจัยให้พิสดารเป็น 24 ปัจจัย เรียก ปัฏฐานนัย หรือ ปัจจัย 24 ตลอดจนบัญญัติธรรม
ปริจเฉทที่ 9 กัมมัฏฐานสังคหวิภาค แสดงการปฏิบัติสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน
ธัมมสังคณีมาติกา
ธัมมสังคณี เป็นคัมภีร์ที่ 1 ของพระอภิธรรมปิฎก ซึ่งมีทั้งหมด 7 คัมภีร์ และเป็นคัมภีร์สำคัญที่สุด เพราะเป็นคัมภีร์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงหัวข้อธรรม ที่เป็นเนื้อหาหลักของพระอภิธรรมปิฎก เรียกว่า “มาติกา” ไว้เป็นเบื้องต้น แบ่งออกเป็น 3 อย่าง คือ
(1) ติกมาติกา 22 ติกะ
(2) ทุกมาติกา 100 ทุกะ
(3) สุตตันติกทุกมาติกา 42 ทุกะ
“มาติกา” แปลว่า แม่บท หรือ หัวข้อ เป็นการรวบรมปรมัตถธรรมทั้งหมดไว้เป็นหมวดหมู่ จากนั้นก็ทรงแสดงขยายออกไปเป็น 4 กัณฑ์ คือ จิตตุปปาทกัณฑ์ (แสดงเรื่องจิตและเจตสิก) รูปกัณฑ์ (แสดงเรื่องรูป) นิกเขปกัณฑ์ (แสดงติกมาติกาและทุกมาติการวมกัน) และอัฏฐกถากัณฑ์ (แสดงเพื่อเก็บองค์ธรรมของติกมาติกาและทุกมาติกา)
สำหรับหนังสือคู่มือการศึกษา “ธัมมสังคณีมาติกา” นี้ เป็นการจำแนกองค์ธรรมของ “ติกมาติกา” “ทุกมาติกา” และ “สุตตันติกทุกมาติกา” ในคัมภีร์ธัมมสังคณีปกรณ์ ตามนัยของคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหอรรถกถาและฏีกา โดยสังเขป เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับนักศึกษานำไปศึกษาค้นคว้าต่อในคัมภีร์ชั้นสูงขึ้นไป
มหาปัฏฐาน
(กุสลติกมาติกา ปัญหาวาระ อนุโลมนัย)
คัมภีร์มหาปัฏฐาน หรือ “ปัฏฐาน” เป็นคัมภีร์ที่ 7 ของพระอภิธรรมปิฎก ซึ่งมีทั้งหมด 7 คัมภีร์ เป็นคัมภีร์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำเอาปรมัตถธรรมที่เป็นจุดตั้งต้น คือ ปัจจัย จำนวน 24 ปัจจัย มาแสดงให้เห็นความสามารถ (สัตติ) และหน้าที่ของปัจจัยแต่ละปัจจัย แล้วทรงนำมาติกาในธัมมสังคณีปกรณ์ 122 หมวด มาจำแนกด้วยปัจจัยทั้ง 24 ปัจจัย เพื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์โดยความเป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน
สำหรับหนังสือคู่มือการศึกษา “มหาปัฏฐาน” (กุสลติกมาติกา ปัญหาวาระ อนุโลมนัย) นี้ เป็นการแสดงองค์ธรรมของปัจจยุเทสและปัจจยนิเทส 24 ปัจจัย ในธัมมานุโลม ติกปัฏฐาน และแสดงการจำแนกกุสลติกมาติกาด้วยปัจจัย 24 ในปัญหาวาระ ปัจจยานุโลม วิภังควาระ โดยแสดงองค์ธรรมตามนัยอภิธัมมัตถสังคหอรรถกถาและฏีกา
วิสุทธิมัค (สังเขป)
คัมภีร์วิสุทธิมัค เป็นคัมภีร์ว่าด้วยทางปฏิบัติเพื่อความหมดจด “วิสุทธิมัค” แปลว่า ทางแห่งความหมดจด คือ สิกขา 3 ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นทางปฏิบัติเพื่อความหมดจดจากกิเลส รจนาโดยพระพุทธโฆสมหาเถระ ชาวอินเดียใต้ ปีพุทธศักราช 956 ในรัชสมัยพระเจ้ามหานาม ประเทศศรีลังกา โดยประมวลพระไตรปิฎกพร้อมด้วยอรรถกถาโดยสังเขปแล้วรจนาคัมภีร์วิสุทธิมัคขึ้น
ในการรจนานั้น ท่านได้ยกพระคาถาบทหนึ่งจากสังยุตตนิกาย มาเป็นบทนำของคัมภีร์ว่า
สีเล ปติฏฺฐาย นโร สปญฺโญ จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวยํ
อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ โส อิมํ วิชฏเย ชฏํ.
สํ.ส. 15/61/20 (สฺยา)
แปลความว่า “นรชนผู้มีปัญญา เห็นภัยในสังสารวัฏ ดำรงอยู่ในศีลแล้ว เจริญจิตและปัญญา มีความเพียร มีปัญญาเครื่องบริหารนั้น ย่อมถางชัฏนี้ได้”
ต่อจากนั้นท่านจึงได้อธิบายศีล สมาธิ ปัญญา ตามใจความพระคาถาข้างต้น โดยจำแนกออกเป็น 23 หัวข้อ (ปริจเฉท) คือ
-
ศีลนิเทศ แสดงถึงการรักษาศีล
-
ธุตังคนิเทศ แสดงถึงวิธีการบำเพ็ญธุดงควัตร
-
กัมมัฏฐานคหณนิเทศ แสดงถึงบุพกิจเบื้องต้นก่อนการเจริญสมถกรรมฐาน
-
ปฐวีกสิณนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญปฐวีกสิณ โดยละเอียด
-
เสสกสิณนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญกสิณ ที่เหลืออีก 9 ประการ
-
อสุภกัมมัฏฐานนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอสุภกรรมฐาน 10 ประการ
-
ฉอนุสสตินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอนุสสติกรรมฐาน 6 ประการแรก ตั้งแต่พุทธานุสสติ ถึง เทวตานุสสติ
-
อนุสสติกัมมัฏฐานนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอนุสสติกรรมฐาน ที่เหลืออีก 4 ประการ
-
พรหมวิหารนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญพรหมวิหารกรรมฐาน 4 ประการ
-
อารุปปนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอรูปกรรมฐาน 4 ประการ
-
สมาธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอาหาเรปฏิกูลสัญญา และจตุธาตุววัตถาน
-
อิทธิวิธินิเทศ แสดงถึงวิธีการแสดงฤทธิ์ต่างๆ 10 ประการ อันเป็นผลมาจากการเจริญสมถกรรมฐาน
-
อภิญญานิเทศ แสดงถึงอภิญญา 6 ประการ อันเป็นผลจากการเจริญสมถกรรมฐาน
-
ขันธนิเทศ แสดงถึงขันธ์ 5 อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
-
อายตนธาตุนิเทศ แสดงถึงอายตนะ 12 และ ธาตุ 18 อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
-
อินทริยสัจจนิเทศ แสดงถึงอินทรีย์ 22 และอริยสัจ 4 อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
-
ปัญญาภูมินิเทศ แสดงถึงปฏิจจสมุปบาท 12 ประการ อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
-
ทิฏฐิวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนเห็นรูปนามตามความเป็นจริง
-
กังขาวิตรณวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนสิ้นความสงสัยในสภาวธรรม เพราะเห็นรูปนามพร้อมเหตุปัจจัย
-
มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนข้ามพ้นวิปัสสนูปกิเลส
-
ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนดำเนินไปตามวิถีของวิปัสสนาญาณ 9
-
ญาณทัสสนวิสุทธินิเทศแสดง ถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนได้บรรลุอริยมรรค เป็นพระอริยบุคคล
-
ปัญญาภาวนานิสังสนิเทศ แสดงถึงอานิสงส์ของการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน












